เริ่ม update blog ท่องเที่ยวอย่างจริงจังดีกว่า ช่วงนี้ว่าง ๆ เผื่อวันไหนอยากไปเที่ยว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาอีก
http://japainaid.blogspot.com/
March 3, 2011
March 2, 2011
Cooking : Web ต่างประเทศทำอาหาร น่ากินม๊ากกกก
เป็น web ต่างชาติอีก web นึงที่น่าดู๊น่าดู ของที่เค้าทำแต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้น
เห็นแล้ว อยากไปซื้อเครื่องตีไข่
http://smittenkitchen.com/
ขอเพิ่มหน่อย
ขนมหน้าตาดี น่ากินทั้งนั้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beebie
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=italian-brandname&month=06-02-2008&group=19&gblog=16
ลองทำแล้ว สูตรขนมอร่อยมาก
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pookhakae
เห็นแล้ว อยากไปซื้อเครื่องตีไข่
http://smittenkitchen.com/
ขอเพิ่มหน่อย
ขนมหน้าตาดี น่ากินทั้งนั้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beebie
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=italian-brandname&month=06-02-2008&group=19&gblog=16
ลองทำแล้ว สูตรขนมอร่อยมาก
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pookhakae
February 26, 2011
บ้าน : แหล่ง Shopping ของเก่า
ตอนนี้อะไรอะไรก็ดูแต่เรื่องบ้าน แต่งบ้าน furniture ก็อย่างว่าอะนะ กำลังเห่อ
จริง ๆ แอบชอบของเก่า แต่กลัวผี กลัวแมลงสาบแอบไข่เอาไว้ พอดีเจอใน web บ้านและสวน มีร้านขายของเก่า ๆ แนว เอาไว้ถ้าผ่านไปแถวนั้นจะแวะไปดู
จริง ๆ แอบชอบของเก่า แต่กลัวผี กลัวแมลงสาบแอบไข่เอาไว้ พอดีเจอใน web บ้านและสวน มีร้านขายของเก่า ๆ แนว เอาไว้ถ้าผ่านไปแถวนั้นจะแวะไปดู
1. โกดัง Y50
แนวเรโทรเจ้าเก่าแก่แห่งซอยแจ่มจันทร์ (เอกมัย 21) แต่ที่นี่เป็นโกดังและบริเวณซ่อมสินค้าของร้าน ซึ่งมีของมากมายทั้งซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว หรือแบบสภาพเดิมๆ ให้คุณได้เดินเลือกหาซื้อกันอย่างเพลิดเพลินในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่
เปิด : ทุกวัน 10.00 -18.00 น.
ที่อยู่ : เลียบทางด่วนรามอินทรา ก่อนถึงแยกวัชรพล
โทร. 08-1373-0980
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
2.ชุมชนร้านของเก่าใต้ทางด่วน
ที่นี่มีของเก่าหลากยุคหลากสไตล์ทั้งงานไทย จีน ยุโรป ทั้งผลิตจากใน และนอกประเทศไทย มาที่นี่ไม่ผิดหวังเพราะมีแต่ของดีราคาไม่แพง สามารถสั่งให้ร้านหาของที่ต้องการ และรับซ่อมแซมอีกด้วย
เปิด : ทุกวัน 10.00 -19.00 น.
ที่อยู่ : ริม ถ.กำแพงเพชร 2 ใต้ทางด่วน เยื้องกับหมอชิต 2
โทร. ร้าน มะลิยาเฟอร์นิเจอร์ 08-6995-5538 , 08-9663-6675
ร้าน หมอชิต 51 08-1812-5973
ร้าน ราศีมีน 08-1279-7810
แนวเรโทรเจ้าเก่าแก่แห่งซอยแจ่มจันทร์ (เอกมัย 21) แต่ที่นี่เป็นโกดังและบริเวณซ่อมสินค้าของร้าน ซึ่งมีของมากมายทั้งซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว หรือแบบสภาพเดิมๆ ให้คุณได้เดินเลือกหาซื้อกันอย่างเพลิดเพลินในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่
เปิด : ทุกวัน 10.00 -18.00 น.
ที่อยู่ : เลียบทางด่วนรามอินทรา ก่อนถึงแยกวัชรพล
โทร. 08-1373-0980
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
2.ชุมชนร้านของเก่าใต้ทางด่วน
ที่นี่มีของเก่าหลากยุคหลากสไตล์ทั้งงานไทย จีน ยุโรป ทั้งผลิตจากใน และนอกประเทศไทย มาที่นี่ไม่ผิดหวังเพราะมีแต่ของดีราคาไม่แพง สามารถสั่งให้ร้านหาของที่ต้องการ และรับซ่อมแซมอีกด้วย
เปิด : ทุกวัน 10.00 -19.00 น.
ที่อยู่ : ริม ถ.กำแพงเพชร 2 ใต้ทางด่วน เยื้องกับหมอชิต 2
โทร. ร้าน มะลิยาเฟอร์นิเจอร์ 08-6995-5538 , 08-9663-6675
ร้าน หมอชิต 51 08-1812-5973
ร้าน ราศีมีน 08-1279-7810
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
3.ตลาดเฟอร์นิเจอร์เก่าแยกพาต้า
ที่นี่เปิดมานานพอสมควรแล้ว เป็นที่รู้จักกันดีของพ่อค้าของเก่าที่มักจะมาสั่งและรับของเก่ากันที่นี่ แต่ขอบอกว่าของที่นี่มาเร็วไปเร็วต้องขยันมาดูบ่อยๆ หากจังหวะดีๆไม่แน่จะได้ของดีราคาถูกกลับบ้าน ของที่นี่เน้นที่งานเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งไทย จีน และงานเก่าสำหรับสะสม
เปิด : ทุกวัน 10.00 -18.00 น.
ที่อยู่ : ปากซอย ถ. จรัญสนิทวงศ์ 38
โทร. ร้าน รางสารท 08-1487-3338
ร้าน Boutique antique shop 08-6315-3185 www.boutiqueantiqueshop.com
ร้าน ทองเอก 08-1641-3195
ร้าน PIYA ANTIQUES 08-13430099 , 0-2435-7220
3.ตลาดเฟอร์นิเจอร์เก่าแยกพาต้า
ที่นี่เปิดมานานพอสมควรแล้ว เป็นที่รู้จักกันดีของพ่อค้าของเก่าที่มักจะมาสั่งและรับของเก่ากันที่นี่ แต่ขอบอกว่าของที่นี่มาเร็วไปเร็วต้องขยันมาดูบ่อยๆ หากจังหวะดีๆไม่แน่จะได้ของดีราคาถูกกลับบ้าน ของที่นี่เน้นที่งานเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งไทย จีน และงานเก่าสำหรับสะสม
เปิด : ทุกวัน 10.00 -18.00 น.
ที่อยู่ : ปากซอย ถ. จรัญสนิทวงศ์ 38
โทร. ร้าน รางสารท 08-1487-3338
ร้าน Boutique antique shop 08-6315-3185 www.boutiqueantiqueshop.com
ร้าน ทองเอก 08-1641-3195
ร้าน PIYA ANTIQUES 08-13430099 , 0-2435-7220
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
4.ซอยหน้าวัดสวนแก้ว
อยู่ในซอยหน้าประตูด้านข้างวัดสวนแก้ว ที่นี่เขารวบรวมงานเก่าสวยๆจากในวัดสวนแก้ว และที่อื่นๆมาซ่อมแซมขายใหม่ในราคาไม่แพงโดยพ่อค้าจะคัดมาแต่งานดีไซน์สวยๆ และงานสะสมทำให้เจอของถูกใจในสภาพพร้อมใช้งาน
4.ซอยหน้าวัดสวนแก้ว
อยู่ในซอยหน้าประตูด้านข้างวัดสวนแก้ว ที่นี่เขารวบรวมงานเก่าสวยๆจากในวัดสวนแก้ว และที่อื่นๆมาซ่อมแซมขายใหม่ในราคาไม่แพงโดยพ่อค้าจะคัดมาแต่งานดีไซน์สวยๆ และงานสะสมทำให้เจอของถูกใจในสภาพพร้อมใช้งาน
เปิด : ทุกวัน 10.00 -18.00 น.
ที่อยู่ : ประตูด้านข้างวัดสวนแก้ว
โทร. ร้าน กาแฟนายดาบ 08-6882-1573
ร้าน ท็อป 08-3040-9590
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ที่อยู่ : ประตูด้านข้างวัดสวนแก้ว
โทร. ร้าน กาแฟนายดาบ 08-6882-1573
ร้าน ท็อป 08-3040-9590
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
5. ลานดิน เป็นแหล่งรวมของเก่าที่พ่อค้าตัวจริงจากต่างจังหวัดจะขนของที่บ้านมาวางขาย จึงเน้นที่งานไทยทั้งเก่าใหม่ ล้อเกวียน ไม้เก่า โอ่งดินเผา เครื่องใช้ไม้สอยในบ้านเก่าตามจังหวัดต่างๆ แล้วแต่แหล่ง เหมาะจะเอาไปตกแต่งบ้านและสวน สไตล์ไทย ที่นี่เป็นอีกที่ที่ราคาไม่แพงแต่ต้องเสี่ยงกับความมืดในการดูของสักหน่อยควรติดไฟฉายไปด้วย
เปิด : อาทิตย์ 18.00 -24.00 น.
ที่อยู่ : ตรงข้าม JJ Mall สวนจตุจักร
””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
6.ตลาดแยกรัชดา มีมานานแล้ว ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งรวมของเก่า เสื้อผ้า และของตกแต่งบ้าน ที่เจ้าของขนใส่รถมาขายกันเอง ราคาจึงถูก เปิดขายเสาร์อาทิตย์แต่แนะนำให้มาวันเสาร์ของจะเยอะ และอย่าลืมพกไฟฉายมาด้วยเพราะบางร้านมืดมากต้องส่องดูให้ดีๆก่อนซื้อ
เปิด : อาทิตย์ 18.00 -24.00 น.
ที่อยู่ : ตรงข้าม JJ Mall สวนจตุจักร
””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
6.ตลาดแยกรัชดา มีมานานแล้ว ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งรวมของเก่า เสื้อผ้า และของตกแต่งบ้าน ที่เจ้าของขนใส่รถมาขายกันเอง ราคาจึงถูก เปิดขายเสาร์อาทิตย์แต่แนะนำให้มาวันเสาร์ของจะเยอะ และอย่าลืมพกไฟฉายมาด้วยเพราะบางร้านมืดมากต้องส่องดูให้ดีๆก่อนซื้อ
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
7.โกดังโอลด์เล้ง
โกดังใหญ่ที่ปากช่อง เป็นโรงงานซ่อมแซมและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์เก่า ที่ไปตระเวนซื้อตามแหล่งต่างๆ ทั่วเมืองไทย ทั้งงานสไตล์จีน ไทย ยุโรป รวมทั้งฝาไม้พื้นไม้จากเรือนไทยเก่าที่นี่ก็มีเยอะมาก นับเป็นอีกที่ๆไม่ควรพลาด
เปิด : ทุกวัน 10.00 -18.00 น.
ที่อยู่ : ปากช่อง ทางไปโคราช เลยฟาร์มมวกเหล็กไปประมาณ 10 กม. อยู่ฝั่งซ้ายมือสังเกตโกดังใหญ่ๆมีงานไม้เก่าวางอยู่ด้านหน้า
โทร. 08-9123-7449
ที่อยู่ : ปากช่อง ทางไปโคราช เลยฟาร์มมวกเหล็กไปประมาณ 10 กม. อยู่ฝั่งซ้ายมือสังเกตโกดังใหญ่ๆมีงานไม้เก่าวางอยู่ด้านหน้า
โทร. 08-9123-7449
ร้านอื่น ๆ
ใครกำลังหางานเฟอร์นิเจอร์ดังๆตั้งแต่ยุคปี 1950 จนถึงปัจจุบัน ที่นี่มีเฟอร์นิเจอร์ให้คุณเลือกมากกว่าร้อยดีไซน์ มีทั้งงานไม้ เหล็ก และกระจก ทุกชิ้นมีดีกรีผลิตส่งออกในหลายประเทศ เหมาะกับคนรักงานดีไซน์รีโปรดักท์คุณภาพดีแต่ราคาไม่สูงเกินเอื้อม
เปิด : ทุกวัน 10.00 น. -18.00 น.
ที่อยู่ : 234-238 ถนนตากสิน เขตธนบุรี
โทร. 02-890-5227-8 www.duriflex.net
หมิงเฟอร์นิเจอร์
หากพูดถึงร้านและโรงงานเฟอร์นิเจอร์จีนที่มีประสบการณ์มายาวนาน หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อร้านหมิงเฟอร์นิเจอร์รวมอยู่ด้วย ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี จึงไม่ต้องห่วงเรื่องคุณภาพ ราคาสินค้าก็ไม่ได้แพงเกินไปนัก เพราะผลิตเองขายเอง มีทั้งงานประเภทสั่งทำ งานดีไซน์จีนร่วมสมัย และงานตกแต่งนำเข้าจากจีนที่เจ้าของร้านเดินทางไปคัดสรรด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมครบเครื่องเรื่องเฟอร์นิเจอร์จีนจริงๆ
เปิด : ทุกวัน 10.00 น. - 19.00 น.
ที่อยู่ : 720/12-13 ถนนสุขุมวิท 28-30 คลองเตยใน วัฒนา กรุงเทพ
โทร. 0-2261-7605-7, 0-2258-2852
เรือนประดับ
แหล่งนำเข้าจัดจำหน่ายของตกแต่งสวนและของแต่งบ้านจากอินโดนิเชียแหล่งใหญ่ โดดเด่นด้วยงานหินแกะสลัก โคมไฟและงานทองเหลืองประดับกระจกสี ซึ่งเป็นผลงานของช่างฝีมือชาวอินโดนีเซียที่ทางร้านรวบรวมมาจากเกาะต่างๆในประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนั้นที่นี่ยังรับทำสีหุ้มเบาะตามแบบอีกด้วย
เปิด : ทุกวัน 10.00 น. - 18.00 น.
ที่อยู่ : ตึก JJ Square ถนนกำแพงเพชร 2 จตุจักร กรุงเทพฯ
โทร. 0-2272-5588
ร้าน ดาวหน้าบ้าน
ร้านนี้เจ้าของเป็นดีไซเนอร์ออกแบบและผลิตเฟอร์นิเจอร์ เน้นงานไม้ถอดประกอบติดตั้งง่าย เน้นงานเฟอร์นิเจอร์สนามอย่างเก้าอี้หรือชิงช้าไม้รูปทรงโมเดิร์นเหมาะกับบ้านและสวนสมัยใหม่
เปิด : ทุกวัน 10.00 น. - 18.00 น.
ที่อยู่ : ข้างทางขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีกำแพงเพชร 2 จตุจักร กรุงเทพฯ
โทร. 08-4136-1599
บ้าน : แหล่งไม้เก่ารอบกรุง
ได้ข้อมูลมาจาก web บ้านและสวน
เอาไว้จะไปหาซื้อไม่มาทำ furniture
ความจริงแอบชอบไม้เก่า มันดูมีเสน่ห์ยังงัยก็ไม่รู้ ดูไม้มันนุ่มๆ ดี ( รู้สึกไปเองรึเปล่า )
แหล่งขายไม้
เอาไว้จะไปหาซื้อไม่มาทำ furniture
ความจริงแอบชอบไม้เก่า มันดูมีเสน่ห์ยังงัยก็ไม่รู้ ดูไม้มันนุ่มๆ ดี ( รู้สึกไปเองรึเปล่า )
แหล่งขายไม้
1. ย่านบางโพ - ซอยประชานฤมิตร ซึ่งมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทำจากไม้นานาชนิด ตั้งเรียงรายอยู่ทั้งสองฝั่งถนน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นไม้ใหม่
" ไม้เก่าอาจดูเก่าไปบ้าง แต่ถ้าเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก เนื้อไม้ก็จะยิ่งแน่นกว่าไม้ใหม่เสียอีก ด้วยคุณสมบัติเด่นของไม้เก่าที่มีการยืดหดตัวน้อย เพราะผ่านร้อนเย็นเปียกหนาวมานาน ไม้เหล่านี้นอกจากจะใช้เป็นโครงสร้างได้แล้ว ยังประยุกต์ใช้ในการประดับตกแต่งบ้านและสวนได้ต่างๆนานาด้วย เช่น ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าผสมใหม่
2. ย่านอ่อนนุช - ซอยอ่อนนุช (ถนนสุขุมวิท 77) ถ้ามาจากแยกสวนหลวงก็เริ่มตั้งแต่ซอยอ่อนนุช 59 เป็นต้นไป ในย่านนี้มีร้านขายไม้เก่าหลายสิบร้านตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งถนน ส่วนใหญ่เป็นพวกไม้โครงสร้าง เช่น เสา คาน ตง ไม้พื้น ไม้ฝา วงกบประตูและหน้าต่าง จุดเด่นของย่านนี้คือมีไม้หมอนรถไฟมากกว่าที่อื่น และยังมีกระเบื้องหลังคาเก่าอีกด้วย
" ไม้เก่าอาจดูเก่าไปบ้าง แต่ถ้าเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก เนื้อไม้ก็จะยิ่งแน่นกว่าไม้ใหม่เสียอีก ด้วยคุณสมบัติเด่นของไม้เก่าที่มีการยืดหดตัวน้อย เพราะผ่านร้อนเย็นเปียกหนาวมานาน ไม้เหล่านี้นอกจากจะใช้เป็นโครงสร้างได้แล้ว ยังประยุกต์ใช้ในการประดับตกแต่งบ้านและสวนได้ต่างๆนานาด้วย เช่น ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าผสมใหม่
2. ย่านอ่อนนุช - ซอยอ่อนนุช (ถนนสุขุมวิท 77) ถ้ามาจากแยกสวนหลวงก็เริ่มตั้งแต่ซอยอ่อนนุช 59 เป็นต้นไป ในย่านนี้มีร้านขายไม้เก่าหลายสิบร้านตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งถนน ส่วนใหญ่เป็นพวกไม้โครงสร้าง เช่น เสา คาน ตง ไม้พื้น ไม้ฝา วงกบประตูและหน้าต่าง จุดเด่นของย่านนี้คือมีไม้หมอนรถไฟมากกว่าที่อื่น และยังมีกระเบื้องหลังคาเก่าอีกด้วย
3. ถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ ฝั่งขาออกกรุงเทพฯ ถ้ามาจากแยกลำสาลีให้วิ่งตามถนนศรีนครินทร์ไปทางบางนา เมื่อถึงแยกตัดกับถนนพระราม 9 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบทางด่วนมอเตอร์เวย์ แล้วตรงไปเรื่อยๆก็จะพบร้านขายไม้เก่าและของตกแต่งที่ทำจากไม้ มีร้านค้าให้เลือกกว่าสิบร้านเช่นกัน สินค้ามีทั้งไม้โครงสร้าง และวงกบประตูหน้าต่าง เช่นเดียวกับย่านอ่อนนุช จุดเด่นคือมีของตกแต่งต่างๆที่ทำจากไม้เก่า ไม่ว่าจะเป็นไม้สักหรือไม้มะค่า
4. ย่านคลองรังสิต - ริมถนนรังสิต-นครนายก ตั้งแต่คลอง 9 เรื่อยไปจนถึงคลอง16 ในเขตจังหวัดปทุมธานีและนครนายก เราจะพบร้านขายไม้เก่าตั้งเรียงรายตลอดแนวถนนกว่ายี่สิบร้าน รูปแบบที่เห็นมากที่สุดก็คือไม้เสา ทั้งเสากลม เสาเหลี่ยม คนขายบอกว่าเป็นเสาของโรงเรียนจากต่างจังหวัด แล้วก็มีไม้พื้น ไม้ฝา วงกบ ประตู หน้าต่าง ที่ได้จากการประมูลรื้อถอนบ้านเก่าด้วย
5. อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา - ริมถนนทางหลวงหมายเลข 329 วิ่งตามถนนสายเอเชีย(ทางหลวงหมายเลข 32) จากกรุงเทพฯมุ่งหน้าไปทางจังหวัดอ่างทอง เมื่อผ่านมาถึงทางแยกเข้าตัวอำเภอบางปะหัน ให้เลี้ยวเข้าไป ผ่านสี่แยกไฟแดงแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังอำเภอนครหลวง เราจะพบย่านที่มีการขายไม้เก่ามานานกว่า 10 ปี และมีหลายร้านในย่านนี้ที่ขายไม้ใหม่ไปพร้อมกันด้วย
6. ย่านบางแพ จังหวัดราชบุรี - แหล่งที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาแหล่งไม้เก่า อยู่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 325 (บางแพ-สมุทรสงคราม) ถ้ามาจากกรุงเทพฯให้ใช้เส้นทางปิ่นเกล้า-นครชัยศรี(ทางหลวงหมายเลข 338) หรือวิ่งตามถนนเพชรเกษม(ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เลยหลักกิโลเมตรที่ 83 ไปเล็กน้อยจะพบสี่แยกบางแพ จังหวัดราชบุรี ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย จะพบร้านขายไม้เก่ากว่า 50 ร้านตั้งอยู่ทั้งสองฝั่ง ส่วนใหญ่จะไสหน้าหรือตกแต่งไม้มาให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เสา หรือไม้พื้น ลูกค้าสามารถนำไปใช้งานได้ทันที
TIP
ปกติไม้แปรรูปทั่วไปจะซื้อขายกันตามขนาดมาตรฐาน หรือขนาดที่ตัดมาจากโรงเลื่อย คิดราคาเป็นคิวบิคฟุต เมื่อนำมาผ่านการไสตกแต่งผิวและหดตัวตามธรรมชาติแล้ว จะได้ชิ้นไม้ที่มีขนาดเล็กหรือบางลง แต่ความยาวไม้ยังวัดได้ตามจริง ส่วนไม้เก่าที่จำหน่ายกันนั้นจะซื้อขายกันเป็นศอกหรือเมตร มีราคาถูกกว่าไม้ใหม่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของไม้ด้วยเช่นกัน อาทิ ความเสียหายจากการรื้อถอน เนื้อไม้มีตำหนิมากหรือน้อย แต่ถ้าเป็นไม้สักหรือไม้หายากชนิดอื่นๆจะมีราคาสูงขึ้นอีกเล็กน้อย
เกือบทุกแหล่งทุกร้านที่เราไปดูมาจะมีบริการตัด เลื่อย และไสไม้ตามขนาดที่ลูกค้าต้องการได้เช่นเดียวกับร้านจำหน่ายไม้แปรรูปทั่วไป
ปกติไม้แปรรูปทั่วไปจะซื้อขายกันตามขนาดมาตรฐาน หรือขนาดที่ตัดมาจากโรงเลื่อย คิดราคาเป็นคิวบิคฟุต เมื่อนำมาผ่านการไสตกแต่งผิวและหดตัวตามธรรมชาติแล้ว จะได้ชิ้นไม้ที่มีขนาดเล็กหรือบางลง แต่ความยาวไม้ยังวัดได้ตามจริง ส่วนไม้เก่าที่จำหน่ายกันนั้นจะซื้อขายกันเป็นศอกหรือเมตร มีราคาถูกกว่าไม้ใหม่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของไม้ด้วยเช่นกัน อาทิ ความเสียหายจากการรื้อถอน เนื้อไม้มีตำหนิมากหรือน้อย แต่ถ้าเป็นไม้สักหรือไม้หายากชนิดอื่นๆจะมีราคาสูงขึ้นอีกเล็กน้อย
เกือบทุกแหล่งทุกร้านที่เราไปดูมาจะมีบริการตัด เลื่อย และไสไม้ตามขนาดที่ลูกค้าต้องการได้เช่นเดียวกับร้านจำหน่ายไม้แปรรูปทั่วไป
Source : http://www.baanlaesuan.com/
February 25, 2011
Home : ทาสีด้วยตัวเอง
นึกอยากทาสีโน่นนี่ด้วยตัวเอง เผื่อจะทำงาน DIY เล็ก ๆ น้อย ๆ save กะตังค์
ก็นี่แหล่ะน๊า มีปัญญาผ่อนบ้าน แต่ไม่มีตังค์ซื้อของเข้าบ้าน ... แล้วเมื่อไหร่จะได้อยู่เนี๊ยะ
พอดีที่บ้านต่างจังหวัดมี plan ทาสีบ้านใหม่ด้วย เผื่อได้ลองฝีมือซักห้อง ฮ่ะ ฮ่ะ
ขั้นตอนการทาสี
ขั้นแรก : การเตรียมผิว
เพื่อให้สียึดเกาะกับพื้นผิวปูน ไม้ โลหะได้ดี อีกทั้งยังสวยงามและคงทน ก่อนทาสีทุกครั้งต้องทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบร้อยเสียก่อน โดยขจัดฝุ่น คราบไขมัน สนิม รา ตะไคร่น้ำออกให้หมด พื้นผิวที่จะทาสีต้องแห้งสนิทและอยู่ในสภาพเรียบร้อย สำหรับผิวยิปซั่ม ต้องทำการฉาบเรียบและทิ้งไว้ให้แห้ง ขัดด้วยกระดาษทราย หลังจากนั้นปัดฝุ่นออก ทั้งนี้ในส่วนที่มีงานระบบเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น โคมไฟ ปลั๊ก สวิตซ์ เป็นต้น จะต้องติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและสามารถใช้งานได้ดี หลังจากนั้นจึงทาสีได้ สำหรับผิวไม้ต้องผ่านการอบแห้ง หรือตากจนแห้งสนิท หากผิวมีรอยชำรุด ต้องซ่อมก่อนโดยใช้สีโป๊ว หรือดินสอพองทิ้งไว้ให้แห้งสนิท จากนั้นขัดด้วยกระดาษทรายให้เรียบ ปัดฝุ่นออกให้หมด แล้วจึงทาสีต่อไป
ขั้นที่สอง : ทาสีรองพื้น
สีรองพื้นคือสีที่ใช้ทาบนผิวชนิดต่างๆ ก่อนทาสีทับหน้า ทำหน้าที่เสริมให้สีทับหน้ายึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี และป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างพื้นผิวกับสีทับหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายได้
พื้นผิวปูน : สีรองพื้นจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ความเป็นด่างของผนังปูน ทำปฏิกิริยากับสีทับหน้า สีจึงสวย ทนทาน ไม่หลุดล่อนง่าย
พื้นผิวไม้ : สีรองพื้นช่วยป้องกันยางไม้หรือน้ำยารักษาเนื้อไม้ที่เคยทาไว้ ไม่ให้ซึมออกมาผสมกับสีทับหน้า สีจึงไม่เป็นรอยด่าง
พื้นผิวเหล็ก : สีรองพื้นช่วยป้องกันการเกิดสนิม และเสริมการยึดเกาะของสีทับหน้า สีจึงสวยทนนาน
ขั้นที่สาม : ทาสีทับหน้า
สีทับหน้ามีสีให้เลือกมากมาย โดยทั่วไปมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สีน้ำ และสีน้ำมัน ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้
สีน้ำ ( EMULSION ) : ใช้ทาบนพื้นผิวปูน ,เนื้อสีด้าน กึ่งเงา ,แห็งเร็ว ( 20 นาที - 1 ชั่วโมง ) ,กลิ่นไม่แรง ,ตัวทำละลายเป็นน้ำ ,ราคาถูก
สีน้ำมัน ( ENAMEL ) : ใช้ทาบนพื้นผิวไม้ ,โลหะ ,เนื้อสีเงามาก ,แห้งช้า ( อย่างน้อย 6 ชั่วโมง ) ,กลิ่นแรง ,ตัวทำละลายเป็นน้ำมัน , ราคาแพงกว่า หรือ ทินเนอร์
นอกจากนี้สีน้ำและสีน้ำมันยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ สีภายใน และสีภายนอก โดยสีที่ใช้ทาภายนอกมีความทนทานต่อทุกสภาพดินฟ้าอากาศ ขณะที่สีภายในจะใช้ภายในอาคารเท่านั้น แต่สีทาภายในจะให้ความเนียน สวย และทำความสะอาดได้ง่าย ดังนั้นจึงควรเลือกใช้สีให้เหมาะกับสถานที่ที่จะใช้งาน
การทาสีทับหน้าควรทาอย่างน้อย 2 เที่ยว โดยทิ้งระยะให้สีที่ทาเที่ยวแรกแห้งสนิท แล้วจึงทาทับอีกครั้ง
หมายเหตุ :
การเลือกใช้สีรองพื้นและสีทับหน้านั้น ควรเลือกใช้สีให้ถูกประเภทของงาน
ควรเลือกใช้สีจากผู้ผลิตเดียวกันทั้งระบบ
ขอบคุณที่มาจาก http://www.konbaan.com/
--------------------------------------------
สีนี้สำคัญไฉน
สีทาผนังบ้าน
สำหรับผนังปูน ก็จะนิยมใช้สีน้ำพลาสติกที่มีส่วนผสมของอะคลีลิค 100% หรือที่เราเรียกกันว่า สีน้ำอะคลีลิค นั่นเอง มีทั้งชนิด ด้าน และแบบ กึ่งเงา
สีด้าน จะดูสะอาด กระจ่างแต่ไม่กระจายแสง สีนวลใสแต่จะสกปรกง่าย
สีกึ่งเงา จะดูนวลเมื่อโดนแสงไฟหรือแสงแดด เช้ดทำความสะอาดได้ เงาเล็กน้อย ลูบดูจะลื่นมือ ฝุ่นจะไม่ค่อยจับผนัง
การทาสีผนังต้องมีการเตรียมพื้นผิวดังนี้
ลอก ขูด หรือขัดทำความสะอาดสีเก่าออกให้หมดด่อน ใช้กระดาษทรายบางขัดเบาๆ แล้วปัดฝุ่นออกให้หมด บางทีก็สามารใช้น้ำฉีดได้
ทาสีรองพื้นปูนเก่า สำหรับบ้านที่สร้างมานานกว่าห้าปี สีรองพื้นปูนเก่าจะออกใสๆ ทารองพื้นรอบหรือสองรอบแล้วแต่พื้นผิว
ทาสีรองพื้นปูนใหม่ สำหรับบ้านที่สร้างมาไม่ถึงห้าปี สีรองพื้นปูนใหม่จะออกสีขาว
ทาสีจริงอย่างน้อยสองรอบแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
สำหรับผนังไม้หรือส่วนที่สร้างจากไม้ ถ้าจะให้ทนทานรักษาง่ายก็มักทาด้วยสีน้ำมัน หรือเป็นสีทาไม้โดยตรง ซึ่งจะทาด้วยสีย้อมไม้ตามชอบก่อนแล้วจึงทาสีเคลือบเนื้อไม้อีกที สีทาไม้จะมีส่วนผสมที่จะรักษาเนื้อไม้ให้ปราศจาก ปลวก กันความชื้นและกันเชื้อรา
วิธีการทาสีไม้ ก็เริ่มจากการขัดเอาสีเก่าออกให้หมดแล้วทาสีย้อมไม้สองรอบ จากนั้นทาสีเคลือบทับให้เงาและเป็นการป้องกันเนื้อไม้ด้วย
สำหรับส่วนที่ทำด้วยเหล็ก จะใช้สีน้ำมันทา อันนี้ต้องทารองพื้นด้วยสีกันสนิมก่อนแล้วทาสีจริงตามชอบ
วิธีทาสีเหล็กประตูหรือเหล็กดัด ก็ เริ่มจากการลอกสีเก่าออก ให้ใช้น้ำยาลอกสีเหล็ก หลังจากลอกสีแล้วให้ขัดส่วนที่เป็นสนิมออกให้หมดก่อน ล้างทำความสะอาดตากให้แห้ง จากนั้นก็ทาสีรองพื้นกันสนิม หรือถ้าสีที่ใช้มีส่วนผสมกันสนิมอยู่แล้วก็ไม่ต้องทาสีกันสนิมแต่ทาสีจริงได้เลย ทาอย่างน้อยสองรอบแล้วทิ้งไว้มากกว่า24 ชั่วโมงเพราะสีน้ำมันจะแห้งยากและมีกลิ่นเหม็นมาก
อ้อ รอยร้าวต่างๆ ที่ไม่ได้มาจากโครงสร้างจะต้องทำการเซาะให้รอยแตกนั้นกว้างและลึกประมาณ 1 cm แล้วใช้อะคลีลิคอุดรอยร้าว จะออกเป็นหลอดที่เป็นครีมสีขาว บีบอุดรอยที่เซาะแล้วลูบให้เรียบไปตามแนวผนัง จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งสนิทแล้วจึงทาสีรองพื้นทับแล้วทาสีจริง เท่านี้รอยร้าวก็ถูกปกปิดแล้ว สีบางชนิดอาจช่วยปกปิดได้แต่ก็จะไม่มิดถ้าไม่มีการอุดฉาบเสียก่อน ถ้าฉาบทับอย่างเดียวหลังทาสีทับก็จะเห็นร่องรอย ฉะนั้นทำการอุดรอยร้าวก่อนทาสีจะได้ผลที่สุด
สีที่มีคุณภาพและเป็นที่นิยมรวมทั้งราคาสมกับคุณภาพของสี ได้แก่
TOA : TOA 7 in ONE, Super Shield Duraclean, Super Shield
Captain : Parashield Studio Acrylic Semi-Gloss, Longlife
ICI : Dulux
-------------------------------------------------------
เลือกสีอย่างไรให้โดน
การจะเลือกสีจากไกด์สีที่มีนับร้อยสีดูจะเป็นเรื่องยาก ยิ่งดูก็ยิ่งลังเลว่าสีที่เลือกจะเข้าคู่กับสีไหนได้บ้าง มี 3 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเลือกสีให้เข้ากัน
เลือกสีที่เป็นคู่สี ใช้สีที่เป็นเฉดเดียวกันแต่มีความอ่อนเข้มไล่น้ำหนักสีต่างกันไป เช่น สีแดงคู่กับสีชมพู
เลือกสีที่ใกล้เคียงกัน สีที่มีเฉดใกล้เคียงกัน ดูได้จากไกด์สีที่ร้านขายสี เช่น สีน้ำเงินอมเขียวใช้คู่กับสีเขียว
เลือกใช้สีตรงกันข้าม โดยจับคู่เฉดสีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงจรสี เช่น สีแดงกับสีเขียว
ขั้นตอนการทาสีที่ดูเหมือนง่าย แต่หากไม่มีการเตรียมพื้นผิวก่อนก็กลายเป็นเรื่องยากได้ พื้นผิวแต่ละชนิดมีวิธีการเตรียมความพร้อม ก่อนทาสีต่างกันออกไปดังนี้
เตรียมพื้นผิว
ปูนเก่า ขัดทําความสะอาดด้วยกระดาษทราย ซ่อมแซมและอุดรอยร้าวด้วยสีโป๊
ปูนใหม่ ต้องรอให้ปูนแห้งไม่น้อยกว่า 28 วันแล้วจึงทาสี
ไม้ใหม่ ขัดไม้ให้มีผิวเรียบทําความสะอาดจนไม่มีฝุ่น
ไม้เคยทาสีแล้ว ขัดลอกสีเดิมออกให้หมดแล้วทําความสะอาด
เหล็กใหม่ ขัดทําความสะอาดพื้นผิวอย่าให้มีฝุ่น สนิม คราบไข
เหล็กเคยทาสีแล้ว ใช้กระดาษทรายขัดที่สีเดิมเพื่อช่วยในการยึดเกาะของสี ถ้าสีเสื่อมสภาพต้องลอกออกให้หมดก่อนทาสี
สีรองพื้น
ปูน ทาด้วยสีรองพื้นผสมกับทินเนอร์ หรือ สารละลายเฉพาะ (ตามชนิดของสีที่ใช้)อัตราส่วน 10 - 20% โดยปริมาตร แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 ชั่วโมง
ไม้ เก็บรอยแตกของไม้ด้วยวัสดุอุดโป๊วแล้วพ่นหรือทาด้วย สีรองพื้นปรับระนาบพื้นผิวและ อุดเสี้ยนไม้ 2 เที่ยว
เหล็ก พ่นหรือทาสีรองพื้นกันสนิม 2 เที่ยว ทิ้งให้แห้ง 5 - 6 ชั่วโมง จึงทาสีทับหน้าถ้าเป็นโลหะผสม สังกะสีหรืออะลูมิเนียมให้รองพื้นด้วยน้ำยาวอช ไพรเมอร์ 1 เที่ยว แล้วจึงทาสีรองพื้นกันสนิม
สีทับหน้า (สีจริง)
ปูน ทาด้วยสีโดยผสมกับทินเนอร์ หรือ สารละลายเฉพาะ (ตามชนิดของสีที่ใช้)อัตราส่วน
10 - 20% โดยปริมาตร แล้วทิ้งให้แห้ง จึงทาสีทับอีกชั้น
ไม้ พ่น หรือ ทาด้วยสีตกแต่งภายใน 2 - 3 เที่ยว ถ้าทาสีย้อมไม้ต้องขัดด้วยกระดาษทรายก่อนทาสี 2 เที่ยว
เหล็ก พ่น หรือทาด้วยสีตกแต่งภายใน 2 - 3 เที่ยวแล้วทิ้งให้แห้ง 8 - 10 ชั่วโมง จึงพ่นหรือทาสีทับอีกครั้ง หากต้องการพื้นผิวด้านให้ผสมสี กับหัวเชื้อด้าน หรือ ใช้าสีด้านในการทารอบสุดท้าย
สีลวดลายวอลล์เปเปอร์ เป็น ระบบสีที่สามารถสร้างให้เกิดลวดลายบนผนังปูน
ได้อย่างสวยงามด้วยวิธีง่ายๆ โดยการใช้สีวอลล์เปเปอร์ จะมี 3 ส่วน คือ
1. สีพื้น 2. สีสลับลาย 3. น้ำยาเคลือบเงาผิว ซึ่งเมื่อทาเสร็จแล้วก็จะได้เนื้อสีกึ่งเงากึ่งด้าน
สีน้ำมัน เหมาะ กับงานประเภทงานเหล็ก งานไม้และงานโลหะ มีให้เลือกทั้งแบบเงาและแบบด้าน แต่ชนิดด้านจะมีเฉดสีให้เลือกน้อยกว่าและมีราคาสูงกว่า หากนําไปทาไม้จะมองไม้เห็นลายไม้เพราะเนื้อฟิล์มหนา ใช้ได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร
สีย้อมไม้ ลักษณะ สีเป็นการโชว์ลายไม้ โดยมีให้เลือกทั้งชนิดกึ่งเงา และชนิดเงา เหมาะกับการใช้งานที่ฝาผนังบ้าน วงกบ ประตู หน้าต่างไม้ ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
น้ำยารักษาเนื้อไม้ เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความเงางามของเฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นไม้ เช่น ยูรีเทน หรือ แล็คเกอร์ ใช้เพื่อปกป้องเนื้อไม้จากการขูดขีด ช่วยให้ไม้มีความเงางาม น้ำยามีสีใสเพื่อโชว์ความสวยงามของลายไม้
การทาสีไม้
หลังจากทำขัดผิวไม้เสร็จ ใช้แอลกกอฮอล์ ผสม ชะแล็กครับ ชะแล็กจะมีสีตั่งแต่เบอร์1-8ครับ แล้วแต่ชอบออกแนวไหน ตอนซื้อขอดูเฉดสีตัวอย่างได้ครับ ส่วนเบอร์8จะเป็นนชะแล็กขาวไม่มีสี ไว้เคลือบผิวอย่างเดียวโชว์ผิวเนื้อไม้
ขั้นตอน ก็คือเอา แอลกกอฮอล์ มาผสม ชะแล็ก อย่างละประมาณครึ่งๆ ชะแล็กมากเกร็ดก็จะหนืดมาก กอฮอล์ก็จะช่วยละลายชะแล็กให้ลงไปในเนื้อไม้ ผสมชะแล็กน้อยไปก้ต้องลงหลายๆรอบ
พอผสมเสร็จ นำผ้าที่ไม่เป็นขลุยมาจุ่มแล้วนำมาทาที่ผิวไม้ให้ชุ่ม เหมือนล้างผิวไม้ไปในตัว ทำเสร็จปล่อยให้แห้งก่อน
อธิบายเรื่องสีนิดหนึ่ง
ชะแล็กเบอร์1-7จะเป็นสีโอ๊คต่างๆ ออกเข้มออกเหลืองออกแดงแล้วแต่ครับ เวลาใช้จะใช้ไม่มาก สมมติจะใช้สีเบอร์4 วิธีการของผมคือ ใช้แอลกกอฮอล์40%ผสม ชะแล็กเบอร์8 40% แล้วก็ตามด้วยเบอร์4 20% ครับ
ต้องลองผสมสัดส่วนแล้วเทสดูบนเนื้อไม้ต่างๆดู แล้วก็จำสัดส่วนการผสมไว้ก็จะง่ายในครั้งต่อๆไป
หลังจากทาชะแล็กไปหนึ่งรอบ เอามือลูบที่ไม้จะมีความรู้สึกสากขึ้นจากที่ขัดผิวไม้ไปแล้ว...ใช้กระดาษทรายน้ำเบอร์1000ครับ เอามาลูบๆๆๆๆขัดแบบเบาๆ จนไม้เริ่มเนียนอีกครั้งแล้วก็ลงชะแล็กใหม่อีกที...แล้วก็ทำซ้ำอีก อย่างน้อยรวมทั้งหมดไม่ควรต่ำกว่าสองครั้ง สามครั้งกำลังดี หรือมากกว่าขึ้นอยู่กับความเข้มของสีเนื้อไม้ที่เคลือบไปว่าเข้มพอที่ต้องการหรือไม่ เกร็ดชะแล็กจะเข้าไปอุดเสี้ยนไม้ ยิ่งลงมากขัดมากไม้ยิ่งเนียน แต่เนียนมากความเป็นธรรมชาติของผิวไม้ก็จะลดลงไปด้วย ต้องมีความพอเหมาะพอดี
เมื่อทำขั้นตอนการลงชะแล็กและขัดผิวเรียร้อย ขั้นตอนต่อมาคือการลงแล็กเกอร์ ผิวที่ต้องการในตอนสุดท้ายคือผิวไม้แบบด้านๆ...
แต่ขั้นตอนการลงแล็กเกอร์แรกคือต้องทาเป็นแล็กเกอร์เงาเคลือบผิวไม้เป็นฟิลม์ชั้นแรกก่อน ผสมแล็กเกอร์เงากับทินเนอร์[ให้ใช้ทินเนอร์อย่างดีนะครับ แบบเป็นขวดใช้ไม่ได้]
ให้คนอัตราส่วนให้เข้ากันลงเป็นเนื้อเดียวกันไม่เหลวไม่ข้นจนเกินไป เอาแบบที่คิดว่าแปรงทาได้...มือใหม่ต้องลองเทสดูจะค่อยๆเรียนรู้น้ำหนักมือและอัตราการผสม
ปัญหาอย่างหนึ่งที่เป็นอุปสรรคมามากอีกอย่างคือแปรง ไม่ว่าแปรงแบบขนกระต่ายหรือแบบใหม่ ขนมักหลุดง่ายเวลาทาแล็กเกอร์ วิธีแก้อันดับแรกอย่างง่ายๆนำแปรงมาแล้วเอาแล็กเกอร์เพียวๆหยอดตรงช่วงรอยต่อขนแปรงกับตัวด้ามแปรงทิ้งไว้คืนสองคืนจนแห้งสนิท แล้วนำมาลองจุ่มกับทินเนอร์ลองดึงขนแปรงออกดูว่ามีอันไหนหลุดก็เอาออกให้หมดก่อนนำมาใช้ ปัญหาจะเกิดเมื่อเวลาทาแล้วขนแปรงหลุดติดไปที่เนื้อไม้ด้วย เวลาแก้ผิวเคลือบจะไม่สวยเสมอเอาครับ ต้องละเอียดทุกขั้นตั้งแต่เริ่มต้นจะดี
ผสมแล็กเกอร์กับแล็กเกอร์เงาแล้ว ก็นำมาทาที่ผิวไม้ที่เตรียมไว้ ทาทีละด้าน ระวังการเยิ่มไปด้านข้าง อย่ากดแปรง พยายามตั้งแปรงให้แล้วค่อยๆทา แบบเงาทาซ้ำได้เลยก่อนแห้ง จะให้ดีทาไปทางเดียวให้หมด เมื่อแห้งแล้วค่อยกลับมาทาอีกด้านไปเรื่อยๆ สำหรับการทาแล็กเกอร์เงาอย่างน้อยต้องสองถึงสามรอบ ขึ้นอยู่กับผสมเนื้อแล็กเกอร์เงาบางไปหรือไม่ ลองสังเกตที่ผิวไม้ขึ้นเงาทั่วหรือไม่ ตอนทาแล็กเกอร์เงาก็ทำใจไว้หน่อยครับจะดูไม่สวยครับ ส่วนถ้าเป็นแบบพ่นต้องพ่นหลายรอบเพราะต้องผสมให้เหลวพอที่จะพ่นได้... ค่อยๆทาทีละด้าน แล็กเกอร์เงาจะแห้งเร็ว
ขั้นตอนสุดท้ายคือทาแล็กเกอร์ด้าน แล็กเกอร์ด้านก็ผสมแบบเดียวกับแล็กเกอร์เงา แล็กเกอร์ด้านคนให้เข้ากับทินเนอร์ ให้พอเหมาะ ที่สำคัญการทาแล็กเกอร์ด้านต้องมีอุณหภมิูที่พอเหมาะ ไม่ชื้น และก็ไม่ใช่ทากลางแดด ควรดูอากาศในที่ที่จะทาว่าเป็นอย่างไร ถ้าอากาศชื้นการทาแล็กเกอร์ด้านจะขึ้นฝ้าทันที่ครับ ต้องทาใหม่ ยิ่งถ้าไม่หายต้องล้างเริ่มกันใหม่
การทาแล็กเกอร์ด้านสำคัญ ต้องย้อนกลับไปที่จุดแรกทำมาแต่ต้นทางดีมาอย่างไรบ้าง จะส่งผลที่ขั้นตอนสุดท้าย การทาต้องตั้งแปรงให้ค่อนข้างตรงฉากกับพิ้นผิวที่จะทา นับความเร็วในใจได้เลยพอจุ่มแล็กเกอร์ด้านเคลียร์ออกจากแปรงไปบางไม่ให้เยิ้มติดแปรงมาก ดูพื้นทีไม้เป็นหลักว่ายาวแค่ไหน การทาต้องทามาทีเดียวไม่มีหยุดจนสุดขอบไม้ครับ ห้ามหยุดกลางคันครับ ตั้งแปรงเฉียงที่จุดแรก แล็กเกอร์ด้านจะค่อยไหลลงแล้วก็ทาพร้อมนับเป็นจังหวะความเร็วในใจประมาณ1.2.3...4เป็นวินาทีเอาครับ ตามการเคลื่อนของการทาแปรงคือการเคลื่อนที่ไปต่อหนึ่งวิ อันนี้ต้องลองครับ วิธีการทาด้วยแปรงดูครับ แล็กเกอร์ด้านจะมีความหนืดกว่าแบบเงาเนื้อจะค่อยๆไหลลงจากแปรงสู่ผิว ทาเร็วเนื้อแล็กเกอร์ด้านก็ลงมาไม่ทัน ทาช้าไปก็จะเยิ้ม ระวังเยิ้มกับขนแปรงหลุดในขั้นตอนนี้ การทาแบบด้านทาครั้งเดียว จะเห็นผลว่าด้าน ถ้าทำทุกขั้นตอนมาอย่างดี เป็นไปได้ถ้าต้องทาแล็กเกอร์ด้านเพิ่มก็ต้องทาครับ แต่ฟิลม์ก็จะเริ่มหนาตามชั้นฟิลม์ของแล็กเกอร์ไปเรื่อยๆ ถึงบอกว่าถ้าทำมาครบได้ดีทุกขั้นตอนการทาแล็กเกอร์ด้านครั้งเดียวต้องเอาอยู่ ปล่อยไว้สักห้าหกชั่วโมงต้องด้านสนิท..
ก็นี่แหล่ะน๊า มีปัญญาผ่อนบ้าน แต่ไม่มีตังค์ซื้อของเข้าบ้าน ... แล้วเมื่อไหร่จะได้อยู่เนี๊ยะ
พอดีที่บ้านต่างจังหวัดมี plan ทาสีบ้านใหม่ด้วย เผื่อได้ลองฝีมือซักห้อง ฮ่ะ ฮ่ะ
ขั้นตอนการทาสี
ขั้นแรก : การเตรียมผิว
เพื่อให้สียึดเกาะกับพื้นผิวปูน ไม้ โลหะได้ดี อีกทั้งยังสวยงามและคงทน ก่อนทาสีทุกครั้งต้องทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบร้อยเสียก่อน โดยขจัดฝุ่น คราบไขมัน สนิม รา ตะไคร่น้ำออกให้หมด พื้นผิวที่จะทาสีต้องแห้งสนิทและอยู่ในสภาพเรียบร้อย สำหรับผิวยิปซั่ม ต้องทำการฉาบเรียบและทิ้งไว้ให้แห้ง ขัดด้วยกระดาษทราย หลังจากนั้นปัดฝุ่นออก ทั้งนี้ในส่วนที่มีงานระบบเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น โคมไฟ ปลั๊ก สวิตซ์ เป็นต้น จะต้องติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและสามารถใช้งานได้ดี หลังจากนั้นจึงทาสีได้ สำหรับผิวไม้ต้องผ่านการอบแห้ง หรือตากจนแห้งสนิท หากผิวมีรอยชำรุด ต้องซ่อมก่อนโดยใช้สีโป๊ว หรือดินสอพองทิ้งไว้ให้แห้งสนิท จากนั้นขัดด้วยกระดาษทรายให้เรียบ ปัดฝุ่นออกให้หมด แล้วจึงทาสีต่อไป
ขั้นที่สอง : ทาสีรองพื้น
สีรองพื้นคือสีที่ใช้ทาบนผิวชนิดต่างๆ ก่อนทาสีทับหน้า ทำหน้าที่เสริมให้สีทับหน้ายึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี และป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างพื้นผิวกับสีทับหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายได้
พื้นผิวปูน : สีรองพื้นจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ความเป็นด่างของผนังปูน ทำปฏิกิริยากับสีทับหน้า สีจึงสวย ทนทาน ไม่หลุดล่อนง่าย
พื้นผิวไม้ : สีรองพื้นช่วยป้องกันยางไม้หรือน้ำยารักษาเนื้อไม้ที่เคยทาไว้ ไม่ให้ซึมออกมาผสมกับสีทับหน้า สีจึงไม่เป็นรอยด่าง
พื้นผิวเหล็ก : สีรองพื้นช่วยป้องกันการเกิดสนิม และเสริมการยึดเกาะของสีทับหน้า สีจึงสวยทนนาน
ขั้นที่สาม : ทาสีทับหน้า
สีทับหน้ามีสีให้เลือกมากมาย โดยทั่วไปมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สีน้ำ และสีน้ำมัน ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้
สีน้ำ ( EMULSION ) : ใช้ทาบนพื้นผิวปูน ,เนื้อสีด้าน กึ่งเงา ,แห็งเร็ว ( 20 นาที - 1 ชั่วโมง ) ,กลิ่นไม่แรง ,ตัวทำละลายเป็นน้ำ ,ราคาถูก
สีน้ำมัน ( ENAMEL ) : ใช้ทาบนพื้นผิวไม้ ,โลหะ ,เนื้อสีเงามาก ,แห้งช้า ( อย่างน้อย 6 ชั่วโมง ) ,กลิ่นแรง ,ตัวทำละลายเป็นน้ำมัน , ราคาแพงกว่า หรือ ทินเนอร์
นอกจากนี้สีน้ำและสีน้ำมันยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ สีภายใน และสีภายนอก โดยสีที่ใช้ทาภายนอกมีความทนทานต่อทุกสภาพดินฟ้าอากาศ ขณะที่สีภายในจะใช้ภายในอาคารเท่านั้น แต่สีทาภายในจะให้ความเนียน สวย และทำความสะอาดได้ง่าย ดังนั้นจึงควรเลือกใช้สีให้เหมาะกับสถานที่ที่จะใช้งาน
การทาสีทับหน้าควรทาอย่างน้อย 2 เที่ยว โดยทิ้งระยะให้สีที่ทาเที่ยวแรกแห้งสนิท แล้วจึงทาทับอีกครั้ง
หมายเหตุ :
การเลือกใช้สีรองพื้นและสีทับหน้านั้น ควรเลือกใช้สีให้ถูกประเภทของงาน
ควรเลือกใช้สีจากผู้ผลิตเดียวกันทั้งระบบ
ขอบคุณที่มาจาก http://www.konbaan.com/
--------------------------------------------
สีนี้สำคัญไฉน
สีทาผนังบ้าน
สำหรับผนังปูน ก็จะนิยมใช้สีน้ำพลาสติกที่มีส่วนผสมของอะคลีลิค 100% หรือที่เราเรียกกันว่า สีน้ำอะคลีลิค นั่นเอง มีทั้งชนิด ด้าน และแบบ กึ่งเงา
สีด้าน จะดูสะอาด กระจ่างแต่ไม่กระจายแสง สีนวลใสแต่จะสกปรกง่าย
สีกึ่งเงา จะดูนวลเมื่อโดนแสงไฟหรือแสงแดด เช้ดทำความสะอาดได้ เงาเล็กน้อย ลูบดูจะลื่นมือ ฝุ่นจะไม่ค่อยจับผนัง
การทาสีผนังต้องมีการเตรียมพื้นผิวดังนี้
ลอก ขูด หรือขัดทำความสะอาดสีเก่าออกให้หมดด่อน ใช้กระดาษทรายบางขัดเบาๆ แล้วปัดฝุ่นออกให้หมด บางทีก็สามารใช้น้ำฉีดได้
ทาสีรองพื้นปูนเก่า สำหรับบ้านที่สร้างมานานกว่าห้าปี สีรองพื้นปูนเก่าจะออกใสๆ ทารองพื้นรอบหรือสองรอบแล้วแต่พื้นผิว
ทาสีรองพื้นปูนใหม่ สำหรับบ้านที่สร้างมาไม่ถึงห้าปี สีรองพื้นปูนใหม่จะออกสีขาว
ทาสีจริงอย่างน้อยสองรอบแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
สำหรับผนังไม้หรือส่วนที่สร้างจากไม้ ถ้าจะให้ทนทานรักษาง่ายก็มักทาด้วยสีน้ำมัน หรือเป็นสีทาไม้โดยตรง ซึ่งจะทาด้วยสีย้อมไม้ตามชอบก่อนแล้วจึงทาสีเคลือบเนื้อไม้อีกที สีทาไม้จะมีส่วนผสมที่จะรักษาเนื้อไม้ให้ปราศจาก ปลวก กันความชื้นและกันเชื้อรา
วิธีการทาสีไม้ ก็เริ่มจากการขัดเอาสีเก่าออกให้หมดแล้วทาสีย้อมไม้สองรอบ จากนั้นทาสีเคลือบทับให้เงาและเป็นการป้องกันเนื้อไม้ด้วย
สำหรับส่วนที่ทำด้วยเหล็ก จะใช้สีน้ำมันทา อันนี้ต้องทารองพื้นด้วยสีกันสนิมก่อนแล้วทาสีจริงตามชอบ
วิธีทาสีเหล็กประตูหรือเหล็กดัด ก็ เริ่มจากการลอกสีเก่าออก ให้ใช้น้ำยาลอกสีเหล็ก หลังจากลอกสีแล้วให้ขัดส่วนที่เป็นสนิมออกให้หมดก่อน ล้างทำความสะอาดตากให้แห้ง จากนั้นก็ทาสีรองพื้นกันสนิม หรือถ้าสีที่ใช้มีส่วนผสมกันสนิมอยู่แล้วก็ไม่ต้องทาสีกันสนิมแต่ทาสีจริงได้เลย ทาอย่างน้อยสองรอบแล้วทิ้งไว้มากกว่า24 ชั่วโมงเพราะสีน้ำมันจะแห้งยากและมีกลิ่นเหม็นมาก
อ้อ รอยร้าวต่างๆ ที่ไม่ได้มาจากโครงสร้างจะต้องทำการเซาะให้รอยแตกนั้นกว้างและลึกประมาณ 1 cm แล้วใช้อะคลีลิคอุดรอยร้าว จะออกเป็นหลอดที่เป็นครีมสีขาว บีบอุดรอยที่เซาะแล้วลูบให้เรียบไปตามแนวผนัง จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งสนิทแล้วจึงทาสีรองพื้นทับแล้วทาสีจริง เท่านี้รอยร้าวก็ถูกปกปิดแล้ว สีบางชนิดอาจช่วยปกปิดได้แต่ก็จะไม่มิดถ้าไม่มีการอุดฉาบเสียก่อน ถ้าฉาบทับอย่างเดียวหลังทาสีทับก็จะเห็นร่องรอย ฉะนั้นทำการอุดรอยร้าวก่อนทาสีจะได้ผลที่สุด
สีที่มีคุณภาพและเป็นที่นิยมรวมทั้งราคาสมกับคุณภาพของสี ได้แก่
TOA : TOA 7 in ONE, Super Shield Duraclean, Super Shield
Captain : Parashield Studio Acrylic Semi-Gloss, Longlife
ICI : Dulux
-------------------------------------------------------
เลือกสีอย่างไรให้โดน
การจะเลือกสีจากไกด์สีที่มีนับร้อยสีดูจะเป็นเรื่องยาก ยิ่งดูก็ยิ่งลังเลว่าสีที่เลือกจะเข้าคู่กับสีไหนได้บ้าง มี 3 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเลือกสีให้เข้ากัน
เลือกสีที่เป็นคู่สี ใช้สีที่เป็นเฉดเดียวกันแต่มีความอ่อนเข้มไล่น้ำหนักสีต่างกันไป เช่น สีแดงคู่กับสีชมพู
เลือกสีที่ใกล้เคียงกัน สีที่มีเฉดใกล้เคียงกัน ดูได้จากไกด์สีที่ร้านขายสี เช่น สีน้ำเงินอมเขียวใช้คู่กับสีเขียว
เลือกใช้สีตรงกันข้าม โดยจับคู่เฉดสีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงจรสี เช่น สีแดงกับสีเขียว
เตรียมพื้นผิวก่อนทาสี
ขั้นตอนการทาสีที่ดูเหมือนง่าย แต่หากไม่มีการเตรียมพื้นผิวก่อนก็กลายเป็นเรื่องยากได้ พื้นผิวแต่ละชนิดมีวิธีการเตรียมความพร้อม ก่อนทาสีต่างกันออกไปดังนี้
เตรียมพื้นผิว
ปูนเก่า ขัดทําความสะอาดด้วยกระดาษทราย ซ่อมแซมและอุดรอยร้าวด้วยสีโป๊
ปูนใหม่ ต้องรอให้ปูนแห้งไม่น้อยกว่า 28 วันแล้วจึงทาสี
ไม้ใหม่ ขัดไม้ให้มีผิวเรียบทําความสะอาดจนไม่มีฝุ่น
ไม้เคยทาสีแล้ว ขัดลอกสีเดิมออกให้หมดแล้วทําความสะอาด
เหล็กใหม่ ขัดทําความสะอาดพื้นผิวอย่าให้มีฝุ่น สนิม คราบไข
เหล็กเคยทาสีแล้ว ใช้กระดาษทรายขัดที่สีเดิมเพื่อช่วยในการยึดเกาะของสี ถ้าสีเสื่อมสภาพต้องลอกออกให้หมดก่อนทาสี
สีรองพื้น
ปูน ทาด้วยสีรองพื้นผสมกับทินเนอร์ หรือ สารละลายเฉพาะ (ตามชนิดของสีที่ใช้)อัตราส่วน 10 - 20% โดยปริมาตร แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 ชั่วโมง
ไม้ เก็บรอยแตกของไม้ด้วยวัสดุอุดโป๊วแล้วพ่นหรือทาด้วย สีรองพื้นปรับระนาบพื้นผิวและ อุดเสี้ยนไม้ 2 เที่ยว
เหล็ก พ่นหรือทาสีรองพื้นกันสนิม 2 เที่ยว ทิ้งให้แห้ง 5 - 6 ชั่วโมง จึงทาสีทับหน้าถ้าเป็นโลหะผสม สังกะสีหรืออะลูมิเนียมให้รองพื้นด้วยน้ำยาวอช ไพรเมอร์ 1 เที่ยว แล้วจึงทาสีรองพื้นกันสนิม
สีทับหน้า (สีจริง)
ปูน ทาด้วยสีโดยผสมกับทินเนอร์ หรือ สารละลายเฉพาะ (ตามชนิดของสีที่ใช้)อัตราส่วน
10 - 20% โดยปริมาตร แล้วทิ้งให้แห้ง จึงทาสีทับอีกชั้น
ไม้ พ่น หรือ ทาด้วยสีตกแต่งภายใน 2 - 3 เที่ยว ถ้าทาสีย้อมไม้ต้องขัดด้วยกระดาษทรายก่อนทาสี 2 เที่ยว
เหล็ก พ่น หรือทาด้วยสีตกแต่งภายใน 2 - 3 เที่ยวแล้วทิ้งให้แห้ง 8 - 10 ชั่วโมง จึงพ่นหรือทาสีทับอีกครั้ง หากต้องการพื้นผิวด้านให้ผสมสี กับหัวเชื้อด้าน หรือ ใช้าสีด้านในการทารอบสุดท้าย
สีแบบไหนใช้ทําอะไร
สีน้ำอะครีลิก เนื้อสีมีความเหนียว ยืดหยุ่นได้ดี สามารถปกปิดรอยแตกลายงาได้ ป้องกันน้ำซึมผ่านฟิล์มสีและป้องกันเชื้อรา ถ้าเป็นกึ่งเงาสามารถเช็ดล้างทําความสะอาดได้ สามารถใช้ได้ทั้ง ผนังภายนอกและภายในอาคาร สีลวดลายวอลล์เปเปอร์ เป็น ระบบสีที่สามารถสร้างให้เกิดลวดลายบนผนังปูน
ได้อย่างสวยงามด้วยวิธีง่ายๆ โดยการใช้สีวอลล์เปเปอร์ จะมี 3 ส่วน คือ
1. สีพื้น 2. สีสลับลาย 3. น้ำยาเคลือบเงาผิว ซึ่งเมื่อทาเสร็จแล้วก็จะได้เนื้อสีกึ่งเงากึ่งด้าน
สีน้ำมัน เหมาะ กับงานประเภทงานเหล็ก งานไม้และงานโลหะ มีให้เลือกทั้งแบบเงาและแบบด้าน แต่ชนิดด้านจะมีเฉดสีให้เลือกน้อยกว่าและมีราคาสูงกว่า หากนําไปทาไม้จะมองไม้เห็นลายไม้เพราะเนื้อฟิล์มหนา ใช้ได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร
สีย้อมไม้ ลักษณะ สีเป็นการโชว์ลายไม้ โดยมีให้เลือกทั้งชนิดกึ่งเงา และชนิดเงา เหมาะกับการใช้งานที่ฝาผนังบ้าน วงกบ ประตู หน้าต่างไม้ ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
น้ำยารักษาเนื้อไม้ เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความเงางามของเฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นไม้ เช่น ยูรีเทน หรือ แล็คเกอร์ ใช้เพื่อปกป้องเนื้อไม้จากการขูดขีด ช่วยให้ไม้มีความเงางาม น้ำยามีสีใสเพื่อโชว์ความสวยงามของลายไม้
การทาสีไม้
หลังจากทำขัดผิวไม้เสร็จ ใช้แอลกกอฮอล์ ผสม ชะแล็กครับ ชะแล็กจะมีสีตั่งแต่เบอร์1-8ครับ แล้วแต่ชอบออกแนวไหน ตอนซื้อขอดูเฉดสีตัวอย่างได้ครับ ส่วนเบอร์8จะเป็นนชะแล็กขาวไม่มีสี ไว้เคลือบผิวอย่างเดียวโชว์ผิวเนื้อไม้
ขั้นตอน ก็คือเอา แอลกกอฮอล์ มาผสม ชะแล็ก อย่างละประมาณครึ่งๆ ชะแล็กมากเกร็ดก็จะหนืดมาก กอฮอล์ก็จะช่วยละลายชะแล็กให้ลงไปในเนื้อไม้ ผสมชะแล็กน้อยไปก้ต้องลงหลายๆรอบ
พอผสมเสร็จ นำผ้าที่ไม่เป็นขลุยมาจุ่มแล้วนำมาทาที่ผิวไม้ให้ชุ่ม เหมือนล้างผิวไม้ไปในตัว ทำเสร็จปล่อยให้แห้งก่อน
อธิบายเรื่องสีนิดหนึ่ง
ชะแล็กเบอร์1-7จะเป็นสีโอ๊คต่างๆ ออกเข้มออกเหลืองออกแดงแล้วแต่ครับ เวลาใช้จะใช้ไม่มาก สมมติจะใช้สีเบอร์4 วิธีการของผมคือ ใช้แอลกกอฮอล์40%ผสม ชะแล็กเบอร์8 40% แล้วก็ตามด้วยเบอร์4 20% ครับ
ต้องลองผสมสัดส่วนแล้วเทสดูบนเนื้อไม้ต่างๆดู แล้วก็จำสัดส่วนการผสมไว้ก็จะง่ายในครั้งต่อๆไป
หลังจากทาชะแล็กไปหนึ่งรอบ เอามือลูบที่ไม้จะมีความรู้สึกสากขึ้นจากที่ขัดผิวไม้ไปแล้ว...ใช้กระดาษทรายน้ำเบอร์1000ครับ เอามาลูบๆๆๆๆขัดแบบเบาๆ จนไม้เริ่มเนียนอีกครั้งแล้วก็ลงชะแล็กใหม่อีกที...แล้วก็ทำซ้ำอีก อย่างน้อยรวมทั้งหมดไม่ควรต่ำกว่าสองครั้ง สามครั้งกำลังดี หรือมากกว่าขึ้นอยู่กับความเข้มของสีเนื้อไม้ที่เคลือบไปว่าเข้มพอที่ต้องการหรือไม่ เกร็ดชะแล็กจะเข้าไปอุดเสี้ยนไม้ ยิ่งลงมากขัดมากไม้ยิ่งเนียน แต่เนียนมากความเป็นธรรมชาติของผิวไม้ก็จะลดลงไปด้วย ต้องมีความพอเหมาะพอดี
เมื่อทำขั้นตอนการลงชะแล็กและขัดผิวเรียร้อย ขั้นตอนต่อมาคือการลงแล็กเกอร์ ผิวที่ต้องการในตอนสุดท้ายคือผิวไม้แบบด้านๆ...
แต่ขั้นตอนการลงแล็กเกอร์แรกคือต้องทาเป็นแล็กเกอร์เงาเคลือบผิวไม้เป็นฟิลม์ชั้นแรกก่อน ผสมแล็กเกอร์เงากับทินเนอร์[ให้ใช้ทินเนอร์อย่างดีนะครับ แบบเป็นขวดใช้ไม่ได้]
ให้คนอัตราส่วนให้เข้ากันลงเป็นเนื้อเดียวกันไม่เหลวไม่ข้นจนเกินไป เอาแบบที่คิดว่าแปรงทาได้...มือใหม่ต้องลองเทสดูจะค่อยๆเรียนรู้น้ำหนักมือและอัตราการผสม
ปัญหาอย่างหนึ่งที่เป็นอุปสรรคมามากอีกอย่างคือแปรง ไม่ว่าแปรงแบบขนกระต่ายหรือแบบใหม่ ขนมักหลุดง่ายเวลาทาแล็กเกอร์ วิธีแก้อันดับแรกอย่างง่ายๆนำแปรงมาแล้วเอาแล็กเกอร์เพียวๆหยอดตรงช่วงรอยต่อขนแปรงกับตัวด้ามแปรงทิ้งไว้คืนสองคืนจนแห้งสนิท แล้วนำมาลองจุ่มกับทินเนอร์ลองดึงขนแปรงออกดูว่ามีอันไหนหลุดก็เอาออกให้หมดก่อนนำมาใช้ ปัญหาจะเกิดเมื่อเวลาทาแล้วขนแปรงหลุดติดไปที่เนื้อไม้ด้วย เวลาแก้ผิวเคลือบจะไม่สวยเสมอเอาครับ ต้องละเอียดทุกขั้นตั้งแต่เริ่มต้นจะดี
ผสมแล็กเกอร์กับแล็กเกอร์เงาแล้ว ก็นำมาทาที่ผิวไม้ที่เตรียมไว้ ทาทีละด้าน ระวังการเยิ่มไปด้านข้าง อย่ากดแปรง พยายามตั้งแปรงให้แล้วค่อยๆทา แบบเงาทาซ้ำได้เลยก่อนแห้ง จะให้ดีทาไปทางเดียวให้หมด เมื่อแห้งแล้วค่อยกลับมาทาอีกด้านไปเรื่อยๆ สำหรับการทาแล็กเกอร์เงาอย่างน้อยต้องสองถึงสามรอบ ขึ้นอยู่กับผสมเนื้อแล็กเกอร์เงาบางไปหรือไม่ ลองสังเกตที่ผิวไม้ขึ้นเงาทั่วหรือไม่ ตอนทาแล็กเกอร์เงาก็ทำใจไว้หน่อยครับจะดูไม่สวยครับ ส่วนถ้าเป็นแบบพ่นต้องพ่นหลายรอบเพราะต้องผสมให้เหลวพอที่จะพ่นได้... ค่อยๆทาทีละด้าน แล็กเกอร์เงาจะแห้งเร็ว
ขั้นตอนสุดท้ายคือทาแล็กเกอร์ด้าน แล็กเกอร์ด้านก็ผสมแบบเดียวกับแล็กเกอร์เงา แล็กเกอร์ด้านคนให้เข้ากับทินเนอร์ ให้พอเหมาะ ที่สำคัญการทาแล็กเกอร์ด้านต้องมีอุณหภมิูที่พอเหมาะ ไม่ชื้น และก็ไม่ใช่ทากลางแดด ควรดูอากาศในที่ที่จะทาว่าเป็นอย่างไร ถ้าอากาศชื้นการทาแล็กเกอร์ด้านจะขึ้นฝ้าทันที่ครับ ต้องทาใหม่ ยิ่งถ้าไม่หายต้องล้างเริ่มกันใหม่
การทาแล็กเกอร์ด้านสำคัญ ต้องย้อนกลับไปที่จุดแรกทำมาแต่ต้นทางดีมาอย่างไรบ้าง จะส่งผลที่ขั้นตอนสุดท้าย การทาต้องตั้งแปรงให้ค่อนข้างตรงฉากกับพิ้นผิวที่จะทา นับความเร็วในใจได้เลยพอจุ่มแล็กเกอร์ด้านเคลียร์ออกจากแปรงไปบางไม่ให้เยิ้มติดแปรงมาก ดูพื้นทีไม้เป็นหลักว่ายาวแค่ไหน การทาต้องทามาทีเดียวไม่มีหยุดจนสุดขอบไม้ครับ ห้ามหยุดกลางคันครับ ตั้งแปรงเฉียงที่จุดแรก แล็กเกอร์ด้านจะค่อยไหลลงแล้วก็ทาพร้อมนับเป็นจังหวะความเร็วในใจประมาณ1.2.3...4เป็นวินาทีเอาครับ ตามการเคลื่อนของการทาแปรงคือการเคลื่อนที่ไปต่อหนึ่งวิ อันนี้ต้องลองครับ วิธีการทาด้วยแปรงดูครับ แล็กเกอร์ด้านจะมีความหนืดกว่าแบบเงาเนื้อจะค่อยๆไหลลงจากแปรงสู่ผิว ทาเร็วเนื้อแล็กเกอร์ด้านก็ลงมาไม่ทัน ทาช้าไปก็จะเยิ้ม ระวังเยิ้มกับขนแปรงหลุดในขั้นตอนนี้ การทาแบบด้านทาครั้งเดียว จะเห็นผลว่าด้าน ถ้าทำทุกขั้นตอนมาอย่างดี เป็นไปได้ถ้าต้องทาแล็กเกอร์ด้านเพิ่มก็ต้องทาครับ แต่ฟิลม์ก็จะเริ่มหนาตามชั้นฟิลม์ของแล็กเกอร์ไปเรื่อยๆ ถึงบอกว่าถ้าทำมาครบได้ดีทุกขั้นตอนการทาแล็กเกอร์ด้านครั้งเดียวต้องเอาอยู่ ปล่อยไว้สักห้าหกชั่วโมงต้องด้านสนิท..
| |
February 14, 2011
Measurement
See how to measure room without tape measure.
DIM : Shelf from fan's box paper
It's almost 2 months we visit our new home twice a month. but now our home has only bed and curtain.
to save money and to avoid buying unnessary items, then we plan to do something to use first and wait a properly time to buy each thing.
Today we got a little shelf from fan's box paper
It's not beauty but useful I think
to save money and to avoid buying unnessary items, then we plan to do something to use first and wait a properly time to buy each thing.
Today we got a little shelf from fan's box paper
It's not beauty but useful I think
Flower of Valentine
Valentine Valentine..
Many shops on street buy flower and flower. In front of my office has one tomgirl buy a bouquet of flower for her girlfriend... for me I just send mail with photo of a bouquet of rose to my boy friend. It's free and never die.
Meaning of rose color;
1. Red Rose means "I love you." It represents romance and love.
2. Deep Pink means "thank you". If someone you know does something nice for you, a deep pink rose is a good way of saying "thank you"
3.Regular Pink represents happiness. It's great to give a pink rose to a partner to say, "I'm very happy with our relationship."
Many shops on street buy flower and flower. In front of my office has one tomgirl buy a bouquet of flower for her girlfriend... for me I just send mail with photo of a bouquet of rose to my boy friend. It's free and never die.
Meaning of rose color;
1. Red Rose means "I love you." It represents romance and love.
2. Deep Pink means "thank you". If someone you know does something nice for you, a deep pink rose is a good way of saying "thank you"
3.Regular Pink represents happiness. It's great to give a pink rose to a partner to say, "I'm very happy with our relationship."
4.Light Pink means "sympathy". When someone has had a loss then light pink roses is a very nice way of expressing your condolences.
5. Lavender Rose "falling in love". When you give it to a person you are saying "I have fallen in love with you and am enchanted by you."6.Yellow Rose symbolizes friendship and caring. It's the perfect innocent gift to give to a friend or give to a loved one when you simply want to say "I care". When given to a friend it also means "I'm happy with our friendship."
7.White Rose symbolizes innocence and purity. When combined with red roses (see further down), it represents "unity".
8. Blue Rose A blue rose is very hard to reproduce or find, although some floral companies are trying to do it naturally. Others just dye them. To some a blue rose symbolizes "mystery" and to others "attaining the impossible". A blue rose given can symbolize the rarity of your partner. You have attained the impossible.
9.Orange Rose is a symbol of desire. "I desire you" or "I desire to get to know you better" is the message that orange roses send.
7.White Rose symbolizes innocence and purity. When combined with red roses (see further down), it represents "unity".
8. Blue Rose A blue rose is very hard to reproduce or find, although some floral companies are trying to do it naturally. Others just dye them. To some a blue rose symbolizes "mystery" and to others "attaining the impossible". A blue rose given can symbolize the rarity of your partner. You have attained the impossible.
9.Orange Rose is a symbol of desire. "I desire you" or "I desire to get to know you better" is the message that orange roses send.
10.Black Rose Never ever give a woman a black rose, because Hollywood has, unfortunately, made out the meaning to be "death". These aren't easy to find and some maintain that they don't actually "exist".
February 11, 2011
Last New year'2010 at my Hometown
ได้กลับบ้านแค่ปีละ 2 ครั้ง กับการเดินทางที่ยาวนาน แต่คุ้มค่า
I come home only twice a year .. it's very long long time to get here but it's very great
จริง ๆ แล้วถ้าเราไม่ขี้เกียจ เราอาจได้กลับบ้านบ่อยกว่านี้ แต่..........แค่นี้ก็สุขใจ
Actually if I don't mind about how far is it . may be I come back home more often than this
ปีใหม่ปีนี้สนุกกว่าที่เคย ญาติๆ มาเจอกันพร้อมหน้า หวนคิดถึงภาพเก่า ๆ เมื่อตอนเป็นเด็ก
This new year we have fun .. everone are here .. I miss my childhood here
รู้สึกอบอุ่น สงบและสุขใจ นี่แหล่ะน๊าที่เค้าว่ากันว่าไม่มีที่ไหนเหมือนบ้านของเรา ...
It's worm calm and happy .. that's why " No place like our home"
Subscribe to:
Posts (Atom)